การปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์
การปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ (Seed conditioning) หมายถึง ขบวนการที่มีการปฏิบัติการต่อเนื่องหลักการเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ จากแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์เพื่อยกระดับคุณภาพด้านกายภาพของเมล็ดพันธุ์โดยการขจัดหรือลดสิ่งหรือสภาพที่ไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ออกไป ได้แก่ การลดความชื้นส่วนเกิน การคัดแยกหิน ดิน ทรายเศษต้นพืช เมล็ดพืชอื่น เมล็ดพันธุ์ที่ไม่ได้ขนาดและสิ่งเจือปนอื่น ๆ ออกให้อยู่ในมาตรฐานที่กำหนด เพื่อให้ได้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีสำหรับกระจายสู่ชาวนา เพาะปลูกต่อไป
การวางแผนการปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์
การปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์เป็นขั้นตอนหนึ่งในกระบวนการผลิตและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ เพื่อให้เมล็ดพันธุ์ข้าวมีคุณภาพดีตามมาตรฐานจำหน่ายสู่เกษตรกรนำไปเพาะปลูก โดยมีการควบคุมตรวจสอบคุณภาพเมล็ดพันธุ์ในระหว่างการปรับปรุงสภาพโดยผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ต้องพิจารณาถึงต้นทุนการปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการวางแผนการปฏิบัติงานล่วงหน้า แบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่
1. การประสานแผนก่อนการปฏิบัติงาน
เป็นการประสานงานเพื่อการวางแผนในเบื้องต้น ภายหลักจากที่ได้กำหนดแผนการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวเป็นรายพืช/พันธุ์/ฤดู/ปี โดยมีการประชุมร่วมกับผู้เกี่ยวข้องในการกำหนดแผนปฏิบัติงานพร้อมกัน เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่องทั้งระบบ โดยมีรายละเอียดการประสานงานกับงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการวางแผนปฏิบัติงาน อย่างไรก็ตามหากมีการปรับเปลี่ยนแผนก็สามารถปรับแผนการปฏิบัติงานร่วมกันได้ ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว
2. การประสานแผนระหว่างการปฏิบัติงาน
ระหว่างการปฏิบัติงาน แม้ว่าจะมีการจัดทำแผนการปฏิบัติในเบื้องต้นร่วมกันอย่างดีแล้วก็ตาม แต่ในระหว่างการปฏิบัติงานจำเป็นต้องมีการปรับแผนการปฏิบัติงานในระหว่างการทำงาน สาเหตุจากการผลิตเมล็ดพันธุ์เป็นกระบวนการที่ไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด บางครั้งขึ้นกับสภาพแวดล้อม ภูมิอากาศ โรคแมลงระบาด หรือความต้องการของเกษตรกรเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ของราคาข้าว ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการประสานงานกับผู้ที่เกี่ยวข้อง 3 งานสำคัญ คือ งานผลิตงานตลาด และงานควบคุมคุณภาพ
การเตรียมการก่อนการปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์
ภายหลังการกำหนดแผนการปฏิบัติงานร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว การจัดทำแผนการจัดการเมล็ดพันธุ์ภายหลังการเก็บเกี่ยวจะทำให้ทราบว่าในแต่ละช่วงเวลาจะมีการดำเนินงานกับเมล็ดพันธุ์ข้าว/ชั้นพันธุ์/ฤดู/ปี เมื่อใด ดังนั้น ก่อนการปฏิบัติงานในแต่ละฤดู จะต้องเตรียมความพร้อมของบุคลากร สถานที่และเครื่องจักรอุปกรณ์ ซึ่งการเตรียมความพร้อมของสถานที่ และเครื่องจักรอุปกรณ์ตัดทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์มีการดำเนินงานตามขึ้นตอนต่าง ๆ ดังนี้
1. การป้องกันการปะปนพันธุ์
- ทำความสะอาดลานตาก และรองพื้นด้วยผ้าพลาสติกก่อนนำเมล็ดพันธุ์มากอง และเกลี่ยไม่ให้หนาเกินไป เพื่อลดความชื้นเมล็ดพันธุ์ในกรณีมีถึงลดความชื้น ก็ต้องทำความสะอาดถึงทุกซอกทุกมุม ไม่ให้มีเมล็ดพันธุ์เหลือตกค้าง
- ทำความสะอาดเครื่องจักรและอุปกรณ์การคัดทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์ก่อนที่จะทำการปรับปรุทุกพันธุ์พืช
- ตรวจสอบภาชนะบรรจุและแคร่รองรับเมล็ดพันธุ์ก่อนใช้ทุกครั้ง จนแน่ใจว่าไม่มีพันธุ์อื่นหรือสิ่งสกปรกตกค้างอยู่
- ทำความสะอาดบริเวณที่ปฏิบัติงาน ทั้งก่อนปฏิบัติงานและขณะปฏิบัติงานทุกวัน
ทั้งนี้ หากมีเมล็ดพันธุ์หลายชนิด การจัดลำดับชนิดเมล็ดพันธุ์ที่จะดำเนินการ ควรจัดให้มีการปรับปรุงสภาพชนิดพันธุ์เดียวกันอย่างต่อเนื่องให้เสร็จสิ้นทีละพันธุ์
2. การตรวจสอบความพร้อมเครื่องจักรอุปกรณ์คัดทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์
- ตรวจสอบระบบไฟฟ้าควบคุมการทำงานของเครื่องจักรอุปกรณ์คัดทำความสะอาดทั้งระบบ
- ตรวจสอบการทำงานของระบบลำเลียงเมล็ดพันธุ์
- ตรวจสอบการทำงานของระบบลดความชื้น (กรณีมีถึงลดความชื้น) - เครื่องกำเนิดความร้อน (Heater) พัดลม (Blower)
- ตรวจสอบการทำงานของเครื่องคัดทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์
- ตรวจสอบการทำงานของเครื่องชั่ง บรรจุและเย็บถุง
วิธีการ ตรวจสอบดูด้วยตา เสียงที่ได้ยินและกลิ่นที่เกิดขึ้นหากเกิดเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งที่ผิดปกติจากการตรวจสอบการทำงานของเครื่องจักรอุปกรณ์ที่กล่าวข้างต้น ต้องแก้ไขซ่อมให้เครื่องอุปกรณ์ทำงานได้อย่างเป็นปกติและมีประสิทธิภาพพร้อมใช้งานต่อไป
3. การเตรียมวัสดุการผลิต
ตรวจสอบปริมาณวัสดุการผลิตและละชนิด ตั้งแต่ปริมาณน้ำมัน ป้ายแสดงคุณภาพ (Tag) กระสอบบรรจุเมล็ดพันธุ์และด้าย ให้สอดคล้องกับปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่จะนำเข้าปรับปรุง
การลดความชื้นเมล็ดพันธุ์
หลักจากเก็บเกี่ยวและนวดจนได้เมล็ดพันธุ์ข้าวแล้ว เมล็ดที่จะใช้ทำเป็นพันธุ์ปลูกหรือผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์ต่อไปนั้นตัวเมล็ดเองจะยังมีความชื้นที่สูงอยู่ โดยทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการเก็บเกี่ยวซึ่งหากเก็บเกี่ยวด้วยรถเกี่ยวนวดแล้ว ความชื้นเมล็ดอาจสูงมากกว่าร้อยละ 20 และเมล็ดที่มีความชื้นสูงมากๆ หากบรรจุในกระสอบ ถุง กองรวมกันในรถบรรทุกหรือในภาชนะบรรจุชั่วคราวจะส่งผลให้กระทบโดยตรงต่อคุณภาพของเมล็ดพันธุ์ให้ลดลงหรือเสื่อมสภาพได้อย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นต้องทำการลดความชื้นเมล็ดพันธุ์ข้าวเหล่านั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะกระทำให้ เพื่อรักษาระดับคุณภาพของเมล็ดพันธุ์ไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะรักษาไว้ได้
ความชื้นของเมล็ดพันธุ์คือ ปริมาณน้ำที่มีอยู่ในเมล็ดพันธุ์ โดยมีหน่วยวัดเป็นอัตราส่วนร้อยละของน้ำหนักน้ำที่อยู่ในเมล็ดพันธุ์ต่อน้ำหนักมวลรวมของเมล็ดพันธุ์นั้น (น้ำหนักฐานเปียก) และปริมาณน้ำนี้เมื่ออยู่ในเมล็ดพันธุ์ก็จะมีมูลค่าเท่ากับราคาซื้อขายเมล็ดพันธุ์นั้น การกำหนดและควบคุมระดับความชื้นของเมล็ดพันธุ์จึงมีผลต่อค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการผลิต
นอกจากนั้นระดับความชื้นจะมีผลกระทบต่อความต้านทานในการแตกร้าวของเมล็ดพันธุ์ในระหว่างการเคลื่อนย้าย หรือถูกปฏิบัติด้วยแรงหรือเครื่องจักรกลต่าง ๆ ในระดับความชื้นที่พอเหมาะ เมล็ดพันธุ์จะต้านทานต่อการแตกร้าวมากกว่าที่ระดับความชื้นที่ต่ำกว่า หากความชื้นสูงเกินไปแม้จะต้านทานการแตกร้าวได้ดี แต่ความต้านทางต่ออาอาบอบช้ำจะลดลง สิ่งสำคัญเหนืออื่นใด บทบาทของความชื้นเมล็ดพันธุ์ที่เป็นปัญหาสำคัญคือ ผลกระทบต่อสุขภาพของเมล็ดพันธุ์ ทั้งที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของตัวเมล็ดพันธุ์เองและการรุกรานของจุลินทรีย์ที่อยู่ร่วมกับมวลเมล็ดพันธุ์นั้น กล่าวคือ ระดับความชื้นเป็นตัวเร่งอัตราการเสื่อมความมีชีวิตของเมล็ดพันธุ์ในระหว่างเก็บรักษา และยังมีผลต่อการแพร่ระบาดของแมลงศัตรูในโรงเก็บอีกประการหนึ่งด้วย สาเหตุอันเนื่องมาจากเมล็ดพันธุ์มีคุณสมบัติเป็นไฮโกรสโคปิก (hygroscopic) ที่สามารถเปลี่ยนแปลงระดับความชื้นและควบคุมระดับความชื้นของเมล็ดพันธุ์ตามเงื่อนไขนี้ว่า ความชื้นสมดุลของเมล็ดพันธุ์ (seed equilibrium moisture content)
การลดความชื้นเมล็ดพันธุ์คือ การนำน้ำออกจากเมล็ดพันธุ์ด้วยวิธีการที่ปลอดภัยต่อตัวของเมล็ดพันธุ์เอง ด้วยการสร้างบรรยากาศและควบคุมให้เกิดการระเหยขึ้นกันเมล็ดพันธุ์ให้ได้ตามที่กำหนด โดยการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ในเรื่องความชื้นกับบรรยากาศและเมล็ดพันธุ์ เพื่อสร้างและกำหนดขอบเขตของการลดความชื้นให้ได้อย่างเหมาะสมถูกต้องตามต้องการ ซึ่งสรุปส่วนที่เป็นสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. การระเหยน้ำจากเมล็ดพันธุ์จะเกิดขึ้น เมื่อความดันไอของน้ำในเมล็ดพันธุ์สูงกว่าในบรรยากาศ ทั้งนี้
ความชื้นของเมล็ดพันธุ์จะไม่ลดลงเลยเมื่อถึงสภาพสมดุลกับบรรยากาศนั้น นั่นคือความดันไอภายในเมล็ดพันธุ์เท่ากันกับความดันไอของอากาศภายนอกโดยระดับความชื้นสมดุลย์ของเมล็ดพันธุ์ซึ่งจะแปรผันตามชนิดของเมล็ดพันธุ์และคุณสมบัติของอากาศที่รายรอบอยู่
2. ความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศจะแปรผันโดยตรงกับระดับความดันไอ นั่นคือ หากความชื้นสัมพัทธ์
ของอากาศสูง ความดันไอก็จะสูงด้วย ในขณะที่ความชื้นสัมพันธ์ของอากาศต่ำ ความดันไอก็จะต่ำลงด้วย ทั้งนี้หากเพิ่มอุณหภูมิอากาศปกติให้สูงขึ้น ก็จะทำให้ความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศนั้นลดต่ำลง ความดันไอของอากาศก็จะต่ำตามลงไปด้วย
3. ขบวนการลดความชื้นเมล็ดพันธ์ที่มีประสิทธิภาพต้องสร้างภาพให้เกิดการระเหยน้ำ และนำพาน้ำที่ระเหยออกจากมวลเมล็ดพันธุ์ในขณะเดียวกัน โดยที่การระเหยน้ำจากเมล็ดพันธุ์ จะเกิดขึ้นรอบ ๆ บริเวณผิวเมล็ดพันธุ์ ในขณะที่ภายในเมล็ดพันธุ์จะเกิดขบวนการเคลื่อนย้ายความชื้นจากเซลล์สู่เซลส์หรือจากโมเลกุลสู่โมเลกุล เพื่อรักษาระดับสมดุลตามธรรมชาติ
การคัดทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์
การคัดทำความสะอาด มาจากคำ 2 คำ คือ “การคัด” หมายถึงการแยกประเภทสิ่งที่รวมกันอยู่เพื่อเลือกเอาไว้หรือเอาออก กับ “การทำความสะอาด” หมายถึง การทำให้ปราศจากสิ่งสกปรก ทำให้หมดจด แวววาว เมื่อนำมารวมกันก็จะหมายถึงการเลือกสิ่งที่ต้องการเอกไว้แล้วทำให้ปราศจากสิ่งสกปรก
การคัดทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์ คือการคัดแยกสิ่งปะปนที่ไม่พึงประสงค์ ให้ออกไปจากส่วนของเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์ การทำความสะอาดจะเน้นในส่วนของสิ่งเจือปนต่าง ๆ เช่น ฝุ่น กรวด หิน ดิน ทราย เศษใบไม้ เศษพืช หรือสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ ที่ติดมากับเมล็ดพันธุ์ เป็นต้น แต่การคัดแยกจะเน้นในเรื่องการคัดขนาดต่าง ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพ ซึ่งมีเงื่อนไขความละเอียดและความเฉพาะในทางปฏิบัติ โดยอาจจะมีเครื่องจักรที่ใช้ในการปฏิบัติงานมากกว่า 1 ชนิด
เครื่องจักรพื้นฐานที่สำคัญที่ใช้ทำความสะอาดคัดแยกเมล็ดพันธุ์ ได้แก่ เครื่องคัดทำความสะอาดแบบตะแกรงลม (air screen cleaner) ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่าเป็นเครื่องจักพื้นฐานในการคัดทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์ ก่อนที่เมล็ดพันธุ์จะผ่านไปคัดขนาด เพื่อยกระดับคุณภาพเมล็ดพันธุ์ในเครื่องจักรเฉพาะอื่น ๆ โดยปกติจะต้องผ่านการทำความสะอาดและคัดแยกจากเครื่องจักรนี้ก่อนเสมอ
โดยปกติแล้วเมล็ดพันธุ์หลักการเก็บเกี่ยวที่นำเข้าสู่กระบวนการคัดและทำความสะอาดนั้นเป็นการเก็บเกี่ยวด้วยแรงงานคนเป็นส่วนใหญ่ ปัจจุบันได้มีการนำเครื่องจักรมาใช้ในการเก็บเกี่ยวเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการเก็บเกี่ยวด้วยวิธีใดก็ตาม สิ่งแรงที่ต้องการจัดการกับเมล็ดพันธุ์ หลักจากเก็บเกี่ยวแล้วก็คือการคัดทำความสะอาดเบื้องต้น
การคัดทำความสะอาดขั้นต้น เป็นการคัดทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์ในเบื้องต้น เพื่อกำจัดสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ที่ประปนมา เช่นเศษดิน หิน ใบไม้ เศษพืชขนาดเล็ดใหญ่หรือเมล็ดลีบที่เบามากๆ เป็นการคัดทำความสะอาดแบบหยาบดำเนินการได้ทั้งเมล็ดพันธุ์ที่ถูกลดความชื้นมาแล้ว จากการผึ่งแดด ไว้ในไร่นา ด้วยเครื่องมือที่ใช้ได้แก่ เครื่องสีฝัดแบบจีน ใช้พัด แรงลมธรรมชาติ เป็นต้น ในปัจจุบันนี้เครื่องจักรกลได้ถูกนำมาใช้ในการเก็บเกี่ยวมากขึ้น เมล็ดพันธุ์ที่เก็บเกี่ยวได้จะมีความชื้นค่อนข้างสูง การคัดทำความสะอาดขั้นต้นจะถูกดำเนินการก่อนที่จะนำเข้าลดความชื้นกรณีที่ต้องนำเข้าสู่ถังลดความชื้นการคัดทำความสะอาดจะต้องใช้เครื่องจักรมาช่วยให้เกิดความรวดเร็ว เพราะเมล็ดพันธุ์ต้องรีบนำเข้าสู่กระบวนการลดความชื้นโดยเร็วที่สุดเพื่อรักษาความมีชีวิตของเมล็ดพันธุ์เอาไว้
การคัดทำความสะอาดอย่างละเอียด (fine cleaning)
มีลักษณะของการการปฏิบัติคล้ายคลึงกันกับการคัดทำความสะอาดขั้นต้น แต่มีประสิทธิภาพในการคัดทำความสะอาดสูงกว่า ส่วนใหญ่มักนิยมใช้เครื่องคัดทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์แบบตะแกรงลม (air screen cleaner) ขนาดของรูเปิดของตะแกรงจะใกล้เตียงกับขนาดของเมล็ดพันธุ์ที่จะคัดทำความสะอาด แต่หากวัสดุที่ไม่พึงประสงค์ที่ต้องการคัดแยกออกมีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงหรือเท่ากับเมล็ดพันธุ์ การคัดทำความสะอาดจะไม่สมบูรณ์ ในกรณีเช่นนี้ต้องนำไปผ่านเครื่องคัดแยกเมล็ดพันธุ์และคัดเกรดต่อไป โดยเครื่องคัดแยกที่จะใช้ต้องมีประสิทธิภาพสูงกว่าเครื่องคัดทำความสะอาดเมล็ดแบบตะแกรงลม
การคัดแยกและการคัดเกรดเมล็ดพันธุ์ ดังได้กล่าวแล้วว่า วัสดุและสิ่งที่ไม่พึงประสงค์บางชนิดมีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกับเมล็ดพันธุ์ ซึ่งมีสามารถแยกออกไปจากกองเมล็ดพันธุ์ โดยการใช้เครื่องคัดทำความสะอาดเมล็ดแบบตะแกรงลม ในกรณีเช่นนี้จำเป็นต้องให้เมล็ดพันธุ์ผ่านไปในเครื่องคัดแยกอื่นๆ ที่มีประสิทธิภาพในการคัดแยกเมล็ดพันธุ์และสิ่งเจือปนอื่น ๆ เครื่องเหล่านี้ได้แก่ เครื่องคัดขนาดโดยอาศัยความถ่วงจำเพาะ หรือเครื่องแกรวิตี้ (gravity separator) เครื่องแยกเมล็ดพันธุ์โดยอาศัยความแตกต่างด้านความยาวของเมล็ด (length separator) และเครื่องแยกเมล็ดแบบกรวย (spiral separator) เป็นต้น การใช้เครื่องคัดแยกเหล่านี้มีหลักสำคัญในการพิจารณาเลือกใช้เครือเมล็ดพันธุ์และสิ่งเจือปนหรือวัสดุที่ไม่พึงประสงค์จะต้องมีความแตกต่างทางกายภาพในลักษณ์ใดลักษณะหนึ่ง การคัดแยกจึงจะได้ผล อนึ่ง ในระหว่างขั้นตอนต่าง ๆ ของการคัดทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องกระทำควบคู่กันไปคือ การตรวจสอบและวิเคราะห์คุณภาพของเมล็ดพันธุ์ เพื่อให้ผู้ผลิตสามารถควบคุมคุณภาพของเมล็ดพันธุ์ทุกขั้นตอนที่ผลิตให้มีคุณภาพดี ได้มาตรฐานที่กำหนดไว้
การคลุกสารเคมีและการบรรจุเมล็ดพันธุ์
หลังจากเมล็ดพันธุ์ผ่านการปรับปรุงสภาพโดยการอบลดความชื้น และการคัดทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์แล้ว เมล็ดพันธุ์จะถูกนำไปคลุกสารเคมีเพื่อป้องกันความเสียหายจากศัตรูต่าง ในระหว่างการเก็บรักษา เช่น แมลง ไร หนู และนก รวมทั้งป้องกันโรคที่อาจติดมากับเมล็ด เช่น โรคถอดฝักดาบ การคลุกสารเคมีให้กับเมล็ดมักใช้สารเคมี 2 ชนิด ได้แก่ สารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อราและสารเคมีป้องกันกำจัดแมลง วิธีการคลุกสารอาจใช้เครื่องจักรแบบต่าง ๆ ได้แก่
1. เครื่องจักรแบบฉีดพ่นเป็นละออง เป็นการฉีดสารเคมีที่เป็นของเหลวให้กระจายไปเคลือบผิวเมล็ด เป็นวิธีที่สิ้นเปลืองสารเคมีน้อย
2. เครื่องจักรแบบคลุกด้วยสารเคมีที่เป็นของเหลว เป็นการใส่น้ำยาลงไปคลุกในถึง มีกระพ้อตวงน้ำยาเทผสมกับเมล็ดในถังคลุก สามารถปรับสัดส่วนปริมาณสารเคมีกับน้ำหนักเมล็ดได้ตามอัตราที่ต้องการ เครื่องจักรแบบนี้เป็นที่นิยมใช้ทั่วไป
3. เครื่องจักรแบบคลุกด้วยสารเคมีที่เป็นผง เป็นการคลุกสารเคมีแบบแห้ง
ข้อปฏิบัติในการคลุกสารเคมีก่อนบรรจุเมล็ดพันธุ์
- เลือกใช้สารมีและอัตราที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อเมล็ดพันธุ์ โดยอ่านและปฏิบัติตามคำเตือนการใช้สารเคมีที่ระบุไว้
- คุลกสารเคมีในขณะที่เมล็ดมีความชื้นต่ำ (เมื่อคุลกเมล็ดพันธุ์เสร็จแล้ว ความชื้นต้องไม่เกิน 14%)
- ไม่คลุกเมล็ดที่แตกหักเสียหาย
- ระวังไม่ให้สารเคมีสัมผัสผิวหนัง หรือหายใจเอาฝุ่นละอองหรือไอระเหยของสารเคมีเข้าไป
- อย่านำเมล็ดพันธุ์ที่คลุกสารเคมีแล้วไปขายเป็นอาหารสัตว์ หรือไปปนกับเมล็ดที่ไม่คลุกสารเคมีเพื่อขายเป็นอาหารสัตว์หรือผลิตภัณฑ์อื่น
- ต้องแสดงเครื่องหมายบ่องบอกให้ผู้ใช้ทราบให้ชัดเจน เช่น ระบุไว้ที่ถุงบรรจุเมล็ดพันธุ์ ว่าเมล็ดพันธุ์นี้มีการคลุกสารเคมี
การบรรจุเมล็ดพันธุ์
เมื่อเมล็ดพันธุ์คลุกสารเคมีเสร็จแล้ว ก็พร้อมไปสู่กระบวนการบรรจุถุง เพื่อจำหน่ายต่อไป โดยการบรรจุเมล็ดพันธุ์ลงในถุงนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อความสะดวกในการเก็บรักษาและการขนส่ง อีกทั้งเป็นการป้องกันอันตรายจากความชื้นแมลง นก หนู และศัตรูอื่น ๆ ภาชนะที่ใช้บรรจุเมล็ดพันธุ์ข้าวนิยมใช้ภาชนะที่อากาศถ่ายเทได้ เช่น ถุงป่าน หรือถุงพลาสติกสาน โดยเครื่องมือที่ใช้ในการบรรจุเมล็ดพันธุ์คือ เครื่องชั่งน้ำหนักและเครื่องเย็บปากถุง โดยน้ำหนักเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นิยมบรรจุถึงเพื่อการจำหน่ายต่อ 25 กิโลกรัมต่อถุง โดยที่ถุงบรรจุต้องมีการติดฉลากแสดงรายละเอียดสินค้า เช่น ชนิดเมล็ดพันธุ์ ชื่อพันธุ์ วันเดือนปีที่ผลิต สถานที่ผลิต เป็นต้น